Home สื่อเศรษฐกิจ Special Report ( รายงานพิเศษ )

Special Report ( รายงานพิเศษ )

by admin
1090 views

ความศรัทธาและศิลปะความงามขององค์
จตุคาม-รามเทพ
โดย…วิมล ตัน

หลายเดือนก่อน พี่น้อย-อภิชาติ ศักดิเศรษฐ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าข่าวโต๊ะหน้า 1 น.ส.พ.มติชน คนนครฯ บ้านเดียวกัน แวะมาที่กอง บก. แอบได้ยินพี่น้อยคุยถึงเรื่องจตุคามว่า มีเพื่อนคนหนึ่ง ได้จตุคามมา และอธิษฐานกับองค์พ่อจตุคามว่า
” ถ้าถูกหวย จะนับถือท่าน แต่ถ้าไม่ถูกจะไม่นับถือ”
“พอถูกหวยขึ้นมาจริงๆ เพื่อนคนนั้นก็บอกเสียงสั่นว่า ลูกเชื่อแล้ว…ลูกจะนับถือท่านตลอดไป”
pictactivities.jpg เหตุการณ์วันนั้นผ่านไปหลายเดือน จน พี่ศรีนวล มะลิทอง ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา มติชน ประชาชาติ ข่าวสด นำจตุคาม รุ่น “พ่อสั่งให้รวย… ให้สนั่นหวั่นไหว” (ชื่อรุ่นได้ใจมากๆ) มาฝากเอาไว้ให้กับพี่เกษ (เกษมณี นันทรัตนพงศ์ ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวโต๊ะเศรษฐกิจ)”
เลยลองตั้งจิตอธิษฐานเหมือนกัน แล้วเอาตัวเลขจำนวน 3 ตัวหลังองค์จตุคาม ๔๗๔Ž ไปซื้อหวย
วันที่หวยออก (2 พ.ค.) มาถึงออฟฟิศตอนเช้า พี่มล ถามว่า
“แอนห้อยจตุคามหรือเปล่าจะสัมภาษณ์ลงสื่อเศรษฐกิจ”

นันทนา แสงมิตร (แอน)
นักข่าวสายการตลาด น.ส.พ.มติชน

ตอนนั้น บอกพี่มลไปว่า ” ไม่ถึงขนาดนับถือ แต่ให้พี่มล รอเย็นนี้ ถ้าถูกหวยขึ้นมา รับรองจะให้สัมภาษณ์แน่นอน”
ปรากฏว่าถูกหวยขึ้นมาจริงๆ ทั้งๆ ที่พื้นฐานส่วนตัวเป็นคนไม่เคยมีโชคลาภ ไม่นิยมเสี่ยงโชคด้วยการเล่นหวย เว้นแต่ไพ่ป๊อกเด้ง ซึ่งจะนิยมมากเวลาไปทำข่าวต่างจังหวัดไกลๆ เพราะเล่นทีไรได้ตลอด
เรื่องนี้มีหลากหลายมุมให้ขบคิด !!!
…อาจเป็นความบังเอิญ
…โชคลาภส่วนตัว
เพราะวันที่ถูกหวย เอารุ่นเลขให้พี่เกดรวมทั้งใครๆ หลายคนในกอง บก.มติชนดู ทุกคนบอกตรงกันว่า เลขตัวสุดท้ายเป็นเลข ๕ ไม่ใช่เลข ๔
…หรือการดลบันดาลจากองค์จตุคามก็เป็นได้
แต่ไม่เห็นจะเป็นเรื่องเสียหาย หรือให้ต้องอับอายว่าเชื่อในเรื่องงมงาย ถ้าผลตอบแทนจากการถูกหวยเพียงไม่กี่บาทจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เชื่อในองค์จตุคามเพราะหลักคิดที่ว่า บูชาจตุคาม ต้องทำความดี นั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่วิญญูชนทุกคนต้องปฏิบัติอยู่แล้ว
ไม่ใช่หรือ ?…

ปู-ขวัญชัย รุ่งฟ้าไพศาล
ผู้สื่อข่าวสายการตลาดของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น

ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้าน เดินไปหน้าปากซอย ซื้อของที่ตลาด ขึ้นรถเมล์ ขึ้นรถไฟฟ้า จนกระทั่งถึงที่ทำงาน เพื่อนนักข่าวเคยลองนับบ้างไหมว่าวันหนึ่งๆ เห็นคนห้อยองค์จตุคามกี่คน และเห็นองค์จตุคามกี่แบบ ไม่เว้นแม้แต่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ที่มีเรื่องราวของจตุคามลงอยู่เนืองๆ
ในแวดวงผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ-การตลาดเองก็ตาม กระแสจตุคามรามเทพก็เข้ามาแสดงอิทธิฤทธิ์ความแรง เราอาจจะไม่เห็นนักข่าวในสายห้อยอย่างชัดเจนเหมือนอย่างคนทั่วๆ ไป แต่ใครจะรู้บ้างว่าในแวดวงนี้มีนักข่าวที่อาจจะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักสะสมจตุคามฯกับเขาเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือ พี่ปู-ขวัญชัย รุ่งฟ้าไพศาล ผู้สื่อข่าวสายการตลาดของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในฐานะนักสะสมพระเท่านั้น แต่ยังมีการสะสมแสตมป์รุ่นต่างๆ ตัวการ์ตูนเช่น อุลต้าแมน รวมถึงลายเซ็นคนดังทั้งหลาย
สำหรับจตุคามรามเทพนั้น รุ่นดังๆ อย่างโคตรเศรษฐี บูรณะหลักเมือง 47 ปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิ และบารมีธรรม พี่ปูมีหมดแล้ว แต่ถ้ารวมทุกรุ่นที่พี่ปูมีทั้งหมดก็ประมาณสิบกว่ารุ่น พี่ปูบอกว่ารุ่นที่เช่ามาก็มีราคาตั้งแต่ประมาณหนึ่งพันถึงสองพันบาทสำหรับรุ่นธรรมดา จนถึงประมาณ 14,000 บาท แต่หลายรุ่นอย่างเช่น โคตรเศรษฐีตอนนี้ราคาพุ่งไปถึง 10,000 บาท หรือปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิก็พุ่งไปถึง 20,000 บาทแล้ว และหลายรุ่นที่พี่ปูเช่าก็เช่ามาจากเพื่อนในที่ทำงานด้วยกันเอง
พี่ปูก็เหมือนหลายๆ คนที่รู้จักจตุคามฯผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งในตอนแรกพี่ปูก็ไม่ได้สนใจเลย แต่พอเริ่มมีข่าวว่ามีคนได้รับประสบการณ์ดีๆ จากองค์จตุคามฯ เลยก็เริ่มสนใจคิดจะเก็บสะสมบ้าง
ด้วยความที่เป็นนักสะสมพระตัวยงอยู่แล้ว การสะสมจตุคามฯของพี่ปูจึงไม่ได้เน้นเรื่องของปาฏิหาริย์ อย่างที่พี่ปูเล่าว่า เราเก็บแบบนักสะสมจริงๆ มากกว่า ดูที่แบบขององค์จตุคามฯเชิงศิลป์ เช่น การออกแบบลาย เราไม่ค่อยคำนึงถึงอภินิหารของแต่ละรุ่นเท่าไหร่Ž
จนถึงวันนี้พี่ปูก็ยังคงเช่าจตุคามฯรุ่นใหม่มาสะสมอยู่เสมอ แต่การสะสมในแต่ละครั้งจะต้องเลือกมากขึ้น
“เดี๋ยวนี้องค์จตุคามฯรุ่นใหม่ๆ ออกมาแทบจะทุกอาทิตย์ ถ้าไม่ screen เงินจะจมไปมาก เพราะเราเก็บอย่างเดียว ไม่ปล่อยออก เดี๋ยวนี้บางรุ่นที่ออกมาก็มีรูปแบบคล้ายคลึงกัน ไม่โดดเด่น” พี่ปูเล่าพร้อมกับอธิบายถึงวิธีการดูว่า ต้องเน้นเลือกรุ่นที่คาดว่าจะมีอนาคตดี ซึ่งตรงนี้จะดูจากแบบของรุ่นนั้นๆ คนสร้างต้องมีความน่าเชื่อถือสูง วัตถุประสงค์การสร้างต้องชัดเจนและดี เช่น เน้นการบูรณะวัดหรือทำเพื่อสังคมเป็นหลัก พี่ปูบอกว่าการสร้างจตุคามฯแต่ละรุ่นนั้นต้องมีเงินส่วนหนึ่งเข้ากระเป๋านายทุนอยู่แล้วเพราะเดี๋ยวนี้การสร้างจตุคามฯหลายรุ่นก็มีนายทุนช่วยสร้าง แต่
เราควรต้องดูวัตถุประสงค์การสร้างหลักว่าดีจริงๆ หรือไม่ นอกจากนั้นก็ต้องดูว่าผ่านพิธีกรรมอะไรมาบ้าง บางรุ่นอย่างเช่น รุ่นที่รู้จักในชื่อย่อว่า หลักเมือง 50 ซึ่งพี่ปูเพิ่งเช่ามาเมื่อกลางเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ผ่านการปลุกเสกมาถึง 16 ครั้ง
สำหรับพี่ปูแล้ว การสะสมองค์จตุคามฯเป็นเหมือนงานอดิเรก ซึ่งมีความสุขทางใจตรงที่ได้ชื่นชมความสวยงามของศิลปะแต่ละอันที่ไม่เหมือนกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด การสะสมจตุคามฯไว้กับตัว ก็เหมือนกับมีองค์เทพคอยคุ้มครองและดูพฤติกรรมเราอยู่ ทำให้เราไม่กล้าทำอะไรที่ขัดต่อศีลธรรม แล้วตรงนี้เองจะส่งผลให้เราเจอแต่เรื่องดีๆ พี่ปูบอกด้วยว่านี่คือเหตุผลของหลายๆ คนที่ห้อยจตุคามฯแล้วบอกว่าเจอแต่สิ่งดีๆ
อย่างไรก็ตาม บางคนตั้งข้อสังเกตว่ากระแสองค์จตุคามฯในช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนจะเป็นกระแสแฟชั่นเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับสินค้าหลายๆ อย่างที่เห็นกันอยู่ จนบางคนเช่น ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคใต้ ออกมาบอกว่ากระแสจตุคามใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว และคงจะจางหายไปในปีหน้า เพราะราคาได้พุ่งขึ้นไปหลายเท่าตัวจากการปั่นราคา ตรงนี้พี่ปูมีความเห็นต่างไป
“เรามองว่าจตุคามยังไปได้อีกไกล ตราบใดที่ความศรัทธาไม่สูญหาย เดี๋ยวนี้คนไม่ได้เช่าเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียวแล้ว เขาเช่าเพื่อให้เป็นของขวัญกับคนที่เขารักก็เยอะ บางคนก็เช่าเป็นสิบองค์เพื่อเอาไปให้กับลูกน้องก็มี และช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี คนขาดที่ยึดเหนี่ยวทางใจ จตุคามฯจึงได้รับความนิยมมาก”
ส่วนการที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่ห้อยจตุคามเพราะความศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวนั้น พี่ปูบอกว่าคนเช่าจตุคามฯมีเยอะมากและบางคนในนั้นก็อาจได้พบกับปาฏิหาริย์จริง ก็เลยมีการเผยแพร่ไปในวงกว้างโดยสื่อมวลชน ทำให้มีอีกหลายคนอยากเช่ามาไว้กับตัวบ้าง โดยส่วนตัวแล้ว พี่ปูยังเชื่อว่าองค์จตุคามฯยังมีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ทั้งนี้ปาฏิหาริย์ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคน เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานของคนคนนั้นเองด้วยว่าทำความดีมาแค่ไหน และจะโชคดีแค่ไหน
สำหรับพี่ปูแล้ว การเช่าองค์จตุคามฯไม่ใช่เพราะคิดแต่เพียงว่าเช่ามาแล้ว องค์จตุคามฯจะมาบันดาลให้เกิดสิ่งดีๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะสุดท้ายแล้วการมีจตุคามฯไว้กับตัว ก็เหมือนกับการมีองค์เทพมาคอยเตือนสติให้ดำรงตนอยู่ในธรรมตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นจุดประสงค์ของการบูชาพระอื่นๆ ด้วย และหากอีกหลายๆ คนที่บูชาองค์จตุคามฯอยู่ ณ ขณะนี้ มีความตั้งใจที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่แท้จริงนี้
นี่อาจเป็นโอกาสที่คนไทยทั้งปวงจะได้คิดถึงแต่การสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อช่วยกันนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่ดูไม่ค่อยดีหลายๆ อย่างในตอนนี้ และช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป…

Home สื่อเศรษฐกิจ Special Report ( รายงานพิเศษ )

Special Report ( รายงานพิเศษ )

by admin
1031 views

เรื่องโดย….สุข สุดใจ
เข้าคอร์ส “เติมพลังให้ชีวิต” วาดภาพสีอะครีลิก-ดรออิ้งดินสอดำ
ในชีวิตไม่ได้มีแค่การทำงานเท่านั้น และการชาร์จแบตเติมพลังที่ดีนอกจากการพักผ่อนท่องเที่ยวแล้ว การทำกิจกรรมที่รักและชอบ ก็เป็นการเติมพลังให้กับชีวิตที่ดีมาก

และปีนี้สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจก็ได้จัดกิจกรรมอบรมเกี่ยวกับงานศิลปะตามคำเรียกร้องของสมาชิกโดยร่วมกับบริษัทบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด จัดโครงการ “เติมพลังให้ชีวิต” เป็นการอบรมการวาดภาพสีอะครีลิกและดรออิ้งดินสอดำ ให้กับสมาชิกสมาคมฯ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยได้อดีตนางแบบชื่อดัง “เพ็ญพร ไพฑูรย์” ที่ปัจจุบันผันชีวิตมาเป็นศิลปินวาดภาพ มาเป็นอาจารย์สอนแบบใกล้ชิด
โครงการนี้มีนักข่าวหัวใจศิลปิน 40 คน เข้าร่วมโครงการแบบสนุกสนาน แถมได้เป็นปลื้มกับผลงานและฝีมือของตัวเอง เพราะไม่คาดคิดว่าตัวเองก็เป็นศิลปินกับเขาได้เหมือนกัน
ดูจากภาพผลงานของศิลปิน (มือใหม่) ที่เก็บมาฝากแล้ว กันว่าฝีมือเป็นไงบ้าง
ลองมาฟังความประทับใจของนักข่าวที่เข้าคอร์สว่า โครงการ นี้ช่วยเติมฝันสร้างพลังชีวิตแบบไม่คาดคิดได้มากแค่ไหน

“นัทธินี มณีวรรณ” (อ๋อ) จากเดลินิวส์ นักเรียนดีเด่น ในคอร์สดรออิ้งดินสอดำ
“เพิ่งเสียใจเรื่องแม่ พอได้รับSMS(เรื่องอบรมวาดภาพ ศิลปะ) ก็นึกถึงคำของแม่บางอย่าง… เลยตัดสินใจมาเรียน เมื่อได้มาเรียนก็ชอบมาก เพราะอยากเรียนมานานแล้ว เพื่อนๆ และครูก็ดี ประทับใจหมด แต่ถ้าได้ทักษะการวาดภาพเบื้องต้นมากกว่านี้ก็ดี เผื่อเวลาไปฝึกวิทยายุทธ์วาดภาพเอง”

 

 

 

 

“วิไลรัตน์ โรจะโยธิน”(อี๋) จากยูบีซี ผู้ที่มีความตั้งใจในการเรียน อย่างสูง แม้ว่าไม่ว่างเข้าคอร์สดรออิ้งในตอนบ่าย ก็เลยซุ่มมาเรียนวาดภาพดินสอดำคนเดียวในห้องวาดภาพสีอะครีลิก
“ได้ใช้สมาธิในการทำ กิจกรรมร่วมกับเพื่อนนัก ข่าวด้วยกันและได้ทำกิจกรรมแปลกใหม่ นอกเหนือจากการทำงานข่าว ทำให้ได้ความรู้เพิ่มเติมด้วย แม้จะเป็นแค่ความรู้เบื้องต้นทางด้านศิลปะก็ตาม อยากให้มีกิจกรรมศิลปะแบบนี้อีกเรื่อยๆ”

 

 

“อัญชลี จิตติวิชกุล” (รัน) จากผู้จัดการรายวัน (ดรออิ้งดินสอดำ)
“สนุกมาก นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะวาดภาพกับเขาได้เหมือนกัน (อาจจะไม่สวยเท่ามืออาชีพ) และเพื่อนๆ ในรุ่นก็มีความสุขกับการเรียนเหมือนกัน อยากให้สมาคมฯจัดคอร์สสั้นๆ ทั้งวิชาการและสันทนาการสลับกันแบบนี้อีก อาจจะเป็นคอร์สเรียนร้องเพลงก็ได้นะ เพราะชีวิตการทำงานหลายครั้งได้พบกับเหตุการณ์ที่ต้อง ร้องเพลงในงาน หรือร้องเพลงกับแหล่งข่าว”

“ชนิญญา สันสมภาค”(กุ้ง) จากกรุงเทพธุรกิจ ตัดสินใจลงคอร์สวาดภาพสีอะครีลิก เพราะเพื่อนๆ และน้องๆ ชักจูง
“ประทับใจสุดๆ เลย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้หัดวาดรูป ขอบอกยากส์สุดขีด แต่ก็พยายามนะจ๊ะ ถ้าครั้งหน้าจัดให้มีโปรแกรมนี้อีกรับรองไม่พลาดแน่นอน”

“สุภชัย ปกป้อง”จากหนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในคอร์ส อบรมวาดภาพสีอะครีลิก
“นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของสมาคม ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ที่ผมประทับใจทั้งเพื่อน ร่วมโครงการและอาจารย์ ยิ่งกว่านั้นผมเป็น เพียงหนึ่งเดียวในคอร์สที่เป็นผู้ชายก็ตาม แต่มันเป็นความประทับใจ ที่ไม่รู้ลืมทีเดียว”
“ผมเชื่อว่าเพื่อนสมาชิกอาจมีเวลาเป็นของตัวเองไม่มากนัก แต่ถ้าได้มีเวลากับสิ่งที่เราชอบ ก็เปรียบเสมือนการให้รางวัลกับชีวิต”

“สงกรานต์ กันแก้ว”(กานต์) จากไทยโพสต์ บอกเล่าความประทับใจในการเข้าคอร์สวาดภาพดรออิ้ง ดินสอดำว่า
“สิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ในคลาสนี้คือการทำให้บรรดา กระจิบข่าว (ที่ร่วมอบรม) ซึ่งมีสัญชาตญาณที่ไม่มีความหยุดนิ่งทั้งการแสดงออกและความคิด มีแต่ความสงสัย การตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลา (บางคนออกจะไฮเปอร์) พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะต่างคนต่างนิ่งเงียบจดจ่อง่วนอยู่กับการตวัดปลาย ดินสอ EE เพื่อก่อรูปร่างตามภาพโจทย์ที่อาจารย์ผู้สอนให้มา ปราศจากการพูดคุย จะมีบ้างนานครั้งกับการหยอกล้อ ชมเชย หรือล้อเลียนภาพของเพื่อนๆ”
“ทำให้บรรยากาศในคลาสนี้อาจจะเงียบสงบพอๆ กับการไปปฏิบัติธรรมหรือนั่งสมาธิที่วัดไปบ้าง แต่หากสิ่งที่ได้รับกลับมาคือทุกคนได้สมาธิ ความปล่อยวางจากปัญหาต่างๆ ตลอดจนความ สงบภายในจิตใจและความสุขเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งแม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้นเพียง 2-3 ชั่วโมง แต่นับว่าหาได้ยากยิ่งในสังคมปัจจุบัน”
“เหล่านี้คือผลประโยชน์ทางอ้อมของคลาสนี้ไม่รวมกับเทคนิคการวาดรูปหรือการแรเงาที่ได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ เพื่อไปต่อยอดหรือฝึกฝนเอาเอง และการพบปะกับกระจิบข่าว รุ่นพี่มากหน้าหลายตา สรุปแล้วปีหน้ามีการอบรมดีๆๆ เช่นนี้อีกนะ (ขอจองคิวคนแรก ฮิฮิ)…”

แนะนำผู้จัดการคนใหม่
ชื่อ นามสกุล นางสาวรภัทรธรณ์ ทองเลิศ ชื่อเล่น แจน
อายุ 30 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ก่อนหน้านี้ทำงานในตำแหน่งเลขานุการ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ
ต้องขอบคุณคณะกรรมการที่ให้โอกาสเข้ามาทำงานนี้ และจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
ขอฝากตัวกับสมาชิกทุกท่านค่ะ